Generation ที่ 2 (พ.ศ. 2550-2555) ของ โตโยต้า_วีออส


โตโยต้า วีออส โฉมที่ 2

โฉมที่สองของวีออสเปิดตัวครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น ในปี 2549 โดยใช้ชื่อว่า "โตโยต้า เบลต้า" และเปิดตัวในตลาดอเมริกาเหนือ, ตะวันออกกลาง, อเมริกาใต้, ลาตินอเมริกา, ออสเตรเลีย ช่วงต้นปี 2550 โดยใช้ชื่อ "โตโยต้า ยาริส ซีดาน" ส่วนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใช้ชื่อว่า "โตโยต้า วีออส" เปิดตัวในประเทศไทยครั้งแรกวันที่ 8 และ 9 มีนาคม พ.ศ. 2550 ที่สยามพารากอน

นอกเหนือจากการใช้เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลแล้ว ยังมีการนำไปปรับแต่งและใช้เป็นรถแข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแข่งขัน โตโยต้า วีออส วันเมคเรซ ซึ่งเป็นการแข่งรถในประเทศไทยที่ทางโตโยต้าจัดขึ้น

การแข่งรถมี 2 รุ่นได้แก่

Toyota Vios One Make Race Class C

Toyota Vios One Make Race Lady Cup

นักแข่งดาราในนามของ Toyota Team Star. (2010 - 2012)

รุ่น Vios One Make Race Class C อธิกิตติ์ พริ้งพร้อม , วริษฐ์ ทิพโกมุท , ศิริศิลป์ โชติวิจิตร (กวาง เอบีนอร์มอล) ,

รุ่น Vios One Make Race Lady Cup ชัชฎาภรณ์ ธนันทา , สุคนธวา เกิดนิมิตร , เฟี้ยวฟ้าว สุดสวิงริงโก้ , ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ , นาตาลี เดวิส , แอริณ ยุกตะทัต , อารยา เอ ฮาร์เก็ต

ในปี 2550 - 2551 ในเมืองไทยมีการแบ่งการผลิตวีออสออกเป็น 3 รุ่นมาตรฐาน ได้แก่

  • รุ่น J เป็นรุ่นล่างสุด มาพร้อมระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบเสริมแรงเบรก BA / กระทะล้อขนาด 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบ ไฟตัดหมอกหลัง (ระบบป้องกันการโจรกรรม TVSS พร้อมรีโมทเป็นอุปกรณ์เสริม) กระเป๋าเก็บเอกสารหลังผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า
  • รุ่น E เป็นเกรดกลาง เพิ่มอุปกรณ์จากรุ่น J มากขึ้นคือ ระบบป้องกันการโจรกรรม TDS พร้อมรีโมทที่ด้ามกุญแจ ล้อแม็กซ์อัลลอยด์ 5 ก้าน ขนาด 15 นิ้ว ไฟตัดหมอกหลัง และภายในห้องโดยสารสามารถเลือกโทนสีได้ 2 แบบคือ สีครีม (Ivory) และ สีเทาดำ (Dark Grey) และไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง
  • รุ่น E Safety เป็นเกรดรองสูงสุด เพิ่มถุงลมนิรภัยคู่หน้า และและเข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ เหมือนรุ่น E
  • รุ่น G เป็นเกรดสูงสุด เพิ่มอุปกรณ์ภายใน เช่น เครื่องเสียงแบบ 6 ลำโพง หน้าปัดแบบออปติตรอนพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีฟ้า ติดตั้งไฟตัดหมอกหน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ภายในห้องโดยสารหุ้มด้วยหนัง สามารถเลือกโทนสีได้ 2 แบบคือ สีครีม (Ivory) และ สีดำ (Dark Grey) ที่พักแขนพร้อมหลุมวางแก้วน้ำบริเวณผู้โดยสารตอนหลัง และเบาะหลังสามารถพับทะลุไปห้องเก็บสัมภาระได้ ในอัตราส่วน 60/40

และเพิ่ม 3 รุ่นพิเศษ ได้แก่

  • รุ่น S-Limited เพิ่มอุปกรณ์ชุดแต่งจากโรงงานรอบคัน พร้อมปรับแต่งโช้คอัพ และสปริงให้มีความแข็งมากกว่ารุ่นอื่น หน้าปัดแบบออปติตรอนพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีส้ม ส่วนภายในแบบสปอร์ตสีเทาควันบุหรี่ ทั้งเบาะหุ้มหนัง พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังสีดำ รวมถึงเบาะผู้โดยสารตอนหลังสามารถพับทะลุไปห้องเก็บสัมภาระได้ ในอัตราส่วน 60/40 ไฟหน้าแบบ Bi-Xenon ปรับระดับสูง - ต่ำ แปรผันอัตโนมัติตามน้ำหนักรถ เปลื่ยนระบบเบรกหลังจากดรัมเป็นดิสก์เบรก
  • รุ่น G-Limited เพิ่มอุปกรณ์จากรุ่น G เช่น ระบบกุญแจอัจฉริยะ Smart Entry เปิด - ปิดประตูแบบสัมผัส พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่อง หรือ Push Start และระบบป้องกันการโจรกรรมกุญแจเลียนแบบหรือ Immobilizer สามารถเลือกโทนสีได้ 2 แบบคือ สีครีม (Ivory) และ สีดำ (Dark Grey)
  • รุ่น GT Street โดยการนำรุ่น J มาตกแต่งในรูปแบบพิเศษ สเกิร์ตรอบคันทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง สปอยเลอร์และสติกเกอร์ GT Street ที่ฝากระโปรงหลัง ท่อไอเสียพร้อมฝาครอบ สแตนเลส และสติกเกอร์ด้านข้างดีไซน์สปอร์ต ส่วนภายในใช้โทนสีแดงดำ ทั้งผ้าเบาะ สีแดงกับสีดำ รวมถึงพวงมาลัยหุ้มหนัง หัวเกียร์หุ้มหนังเดินด้ายสีแดง คอนโซลหน้าสุดสปอร์ตสีดำ-แดง และเปลี่ยนล้อกระทะ เป็นล้อแม็กซ์ขนาด 15 นิ้ว(ลายเดียวกันกันยาริส ไมเนอร์เชนจ์ G/E Grade) โดยจะทำการผลิตเพียง 1,000 คัน

ความปลอดภัย

ระบบป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ

ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System)แบบ 4 channel 4 Sensor ป้องกันล้อล็อกขณะเบรกกะทันหัน หรือเบรกบนถนนลื่น

ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-Force Distribution)จะช่วยกระจายแรงดันน้ำมันเบรกโดยการแปรผันตามน้ำหนักที่กดลงในแต่ละล้อและควบคุมแรงเบรกขณะเข้าโค้งอย่างอิสระ ช่วยเสริมประสิทธิภาพการเบรกให้มีความสมดุล ป้องกันการไถลของล้อขณะเข้าโค้งและเหยียบเบรกกะทันหัน

ในกรณีบรรทุกเต็มพิกัด ระบบ EBD จะเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกที่ล้อคู่หลังขณะบรรทุก และ ควบคุมแรงเบรกของล้อทั้งหมดขณะเข้าโค้งเพื่อเสริมประสิทธิภาพการหยุดให้สูงที่สุด

ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist)ในกรณีเบรกแบบกะทันหัน ระบบ BA จะช่วยเพิ่มแรงเบรกในระบบ โดยคอมพิวเตอร์จะอ่านค่าจากการเหยียบของผู้ขับว่ามีแรงกระทำมากและนานเท่าไร ช่วยเสริมการหยุดรถได้ในระยะที่สั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ระบบปกป้องเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA พัฒนาการล่าสุดของโครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA ที่ให้ความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกด้วยโครงสร้างห้องโดยสารที่แข็งแกร่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซับแรงกระแทกจากการชน ให้ถ่ายเทไปสู่ส่วนต่างๆของตัวถัง เพื่อให้ลดความเสียหายห้องโดยสารน้อยที่สุด โดยระบบดูดซับแรงกระแทกที่สามารถดูดซับแรงกระแทกลดความรุนแรงจากการชนด้วยการกระจายแรงสู่ตัวถัง พร้อมคานนิรภัยด้านหน้าและด้านข้างเพิ่มความแข็งแกร่ง และความปลอดภัยให้กับห้องโดยสารเมื่อเกิดการชน

ระบบลดแรงกระแทกศีรษะด้านข้าง ออกแบบเพื่อช่วยลดแรงกระแทกที่ศีรษะของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS ปกป้องทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ช่วยลดการบาดเจ็บของศีรษะและหน้าอก จากแรงปะทะซึ่งเกิดจากการชนด้านหน้า (ในรุ่น E Safety, G, G-Limited, S-Limited)

เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าพร้อมระบบกลไกดึงกลับ และผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ (Pretensioner & Force Limiter) ช่วยรั้งร่างกายผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้แนบกับเบาะเมื่อเกิดการชน ป้องกันการบาดเจ็บจากแรงกระแทก

เบาะนั่งคู่หน้าแบบ WIL Concept ป้องกันการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอเมื่อเกิดการชนจากด้านหลัง


NHTSA หน่วยงานด้านความปลอดภัยยานยนต์ทางบกของสหรัฐอเมริกา ให้คะแนนผลทดสอบการชน Toyota Vios ดังนี้[1]

  • การชนด้านหน้าฝั่งผู้ขับขี่:
  • การชนด้านหน้าฝั่งผู้โดยสาร:
  • การชนด้านข้างฝั่งผู้ขับขี่ (ไม่มีถุงลมนิรภัยด้านข้าง):
  • การชนด้านข้างฝั่งผู้โดยสาร (ไม่มีถุงลมนิรภัยด้านข้าง):
  • การชนด้านข้างฝั่งผู้ขับขี่ (มีถุงลมนิรภัยด้านข้าง):
  • การชนด้านข้างฝั่งผู้โดยสาร (มีถุงลมนิรภัยด้านข้าง):
  • ทดสอบการพลิกคว่ำ:

ผลทดสอบ


กลางปี 2551 - ต้นปี 2553 มีการเพิ่มรุ่น J มาตรฐาน และเปลื่ยนแปลงและลดอุปกรณ์บางอย่างในรุ่นปกติ เช่น


  • รุ่น J มาตรฐาน (ไม่มี ABS) เป็นเกรดล่างสุด ลดอุปกรณ์มาตรฐานบางอย่างออกไป เช่น วิทยุ CD/MP3/WMA ชนิด 2 ลำโพงมาตรฐาน วัสดุภายในสีดำ (Dark Grey) ล้อกระทะขนาด 14 นิ้วพร้อมยางขนาด 175/65 ยี่ห้อ Dunlop รุ่น SP10
  • รุ่น J ปกติ (มี ABS) ยกเลิกไฟตัดหมอกหลัง / ไม่มีกระเป๋าเก็บเอกสารหลังผู้ขับขี่ / เปลื่ยนยางเป็น Dunlop SP Sport 2030 ขนาดเดิม
  • รุ่น E ยกเลิกไฟเลี้ยวกระจกมองข้างโดยติดตั้งที่บริเวณบังโคลน เปลื่ยนวัสดุภายในเป็นสีดำให้เหมือนรุ่น J แต่ยังคงเลือกโทนสีได้ 2 แบบคือ สีครีม (Ivory) และ สีดำ (Dark Grey)ไม่มีกระเป๋าเก็บเอกสารหลังผู้ขับขี่ เปลื่ยนยางเป็นยี่ห้อ Dunlop รุ่น Sp Sport 2030 ขนาดเดิม
  • รุ่น E Safety ลดสเปคเหมือนรุ่น E

ส่วนรุ่น G / G Limited / S Limited ยังคงสเปคเดิมทุกประการเหมือนปี 2007


ในปี 2553 ในเมืองไทยมีการปรับโฉม 3 รุ่นมาตรฐาน โดยองค์ประกอบภายนอกทุกรุ่นได้เปลื่ยนแปลงกระจังหน้า ล้ออัลลอยด์ลายใหม่ 12 ก้าน(ในรุ่นที่ใช้ล้ออัลลอยด์) และชุดไฟท้าย รวมถึงออกแบบมือจับฝากระโปรงท้ายใหม่ ส่วนภายในห้องโดยสารการเปลี่ยนแปลงคือ


  • รุ่น J มาตรฐาน (ไม่มี ABS) เป็นเกรดล่างสุด เปลื่ยนอุปกรณ์มาตรฐานบางอย่างเช่น มือจับประตูและฝากระโปรงท้ายจากสีเดียวกับตัวรถเป็นเป็นวัสดุสีดำ เปลื่ยนวัสดุหุ้มเบาะใหม่ และถอดฝาครอบล้อออก
  • รุ่น J ปกติ (ABS) เสริมระบบป้องกันการโจรกรรมแบบกุญแจ Immobilizer เปลื่ยนวัสดุหุ้มเบาะใหม่ และมือจับที่ฝากระโปรงท้ายออกแบบใหม่
  • รุ่น E เปลี่ยนเป็นพวงมาลัยลายสปอร์ต ระบบป้องกันการโจรกรรม TDS พร้อมรีโมทที่ด้ามกุญแจ และระบบ Immobilizer ล้อแม็กซ์อัลลอยขนาด 15 นิ้วลายใหม่ ไฟตัดหมอกหลัง วัสดุคอนโซลแบบสีเมทัลลิค (เฉพาะกรอบด้านข้าง แต่แผงควบคุมเครื่องเสียงและเครื่องปรับอากาศยังเป็นสีดำ) ภายในห้องโดยสารสามารถเลือกโทนสีได้ 2 แบบคือ สีครีม (Ivory) และ สีดำ (Dark Grey) และเพิ่มจุดเชื่อมต่อวิทยุ (Aux) เปลื่ยนวัสดุหุ้มเบาะ และมือจับฝากระโปรงท้ายออกแบบใหม่ พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ
  • รุ่น E Safety เพิ่มถุงลมนิรภัยคู่หน้าและเข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ เปลื่ยนพวงมาลัยลายใหม่ และดิสก์เบรก 4 ล้อ ล้อแม็กซ์อัลลอยขนาด 15 นิ้วลายใหม่ เปลื่ยนวัสดุหุ้มเบาะ
  • รุ่น G เปลื่ยนสีแผงควบคุมคอนโซลกลางเป็นแบบเปียโน แบล็ค (Piano Black) เปลื่ยนพวงมาลัยลายใหม่พร้อมชุดควบคุมเครื่องเสียง เพิ่มจุดเชื่อมต่อวิทยุ (Aux) ล้อแม็กซ์อัลลอยขนาด 15 นิ้วลายใหม่ มือจับฝากระโปรงท้ายออกแบบใหม่ ฝาครอบไฟตัดหมอกหน้าลักษณะสีเมทัลลิค
  • รุ่น G Limited ยังคงสเปคเดิมเหมือนรุ่นปี 2007 แต่เปลื่ยนสีแผงควบคุมคอนโซลกลางเป็นแบบเปียโน แบล็ค (Piano Black)เปลื่ยนพวงมาลัยลายใหม่พร้อมชุดควบคุมเครื่องเสียง เพิ่มจุดเชื่อมต่อวิทยุ (Aux)ล้อแม็กซ์อัลลอยขนาด 15 นิ้วลายใหม่ มือจับฝากระโปรงท้ายออกแบบใหม่ ฝาครอบไฟตัดหมอกหน้าลักษณะสีเมทัลลิค
  • ในรุ่น G และรุ่น G Limited ให้เลือกเป็นเบาะหนังสีเบจ หรือสีดำ
  • ยกเลิกการจำหน่ายรุ่น S Limited

ต่อมาในช่วงปลายปี 2555 ต้นปี 2556 ได้มีการปรับอุปกรณ์อีกครั้ง โดยให้มีแอร์แบคคู่หน้าในทุกรุ่นย่อย ไฟหน้ารมดำในทุกรุ่นย่อย กลับมาใช้พวงมาลัยทรงเดียวกับปี 2007 (แต่รุ่น G และ G Ltd. ยังคงสเปคเดิมคือพวงมาลัยทรงสปอร์ต) และสำหรับรุ่นที่มีล้อแม็กซ์ จะเป็นแม็กซ์อัลลอยด์ 12 ก้านขนาด 15 นิ้ว(ลายเดียวกับปี 2553) รมดำให้ความสปอร์ตมากขึ้น


ทุกแบบใช้เครื่องยนต์ 1NZ-FE 1.5 ลิตร 109 แรงม้า และแรงบิด 14.4 กก.ม เหมือนโฉมปี 2545 - 2550 โดยมีการเปลื่ยนแปลงครั้งใหญ่ คือ

  • ระบบคันเร่งจากเดิมที่ควบคุมด้วยสายเคเบิลมาเป็นระบบไฟฟ้า DBW หรือ Drive - By -Wire เรียกว่า ETCS-i โดยทำงานร่วมกับระบบ Canbus และระบบตรวจสอบข้อบกพร่อง OBD-II
  • ย้ายกล่องสมองกลติดตั้งในห้องเครื่อง และเพิ่มหน่วยความจำเป็น 32 Bit
  • เปลื่ยนตำแหน่งแบตเตอรี่ใหม่
  • เปลื่ยนท่อร่วมไอดีใหม่
  • เปลื่ยนตำแหน่งกรองอากาศใหม่ ให้มีระยะสั้นลงกว่าเดิม เพื่อให้อากาศเข้าเร็วขึ้น
  • เปลื่ยนยางแท่นเครื่องฝั่งคนขับแบบใหม่ชนิดไฮโดรลิก
  • เปลื่ยนตำแหน่งท่อแอร์ใหม่
  • เปลื่ยนตำแหน่งชุดแผงคอนเดนเซอร์แอร์ใหม่
  • เปลื่ยนหม้อน้ำใหม่
  • เปลื่ยนชุดพัดลมไฟฟ้าใหม่


ระบบจ่ายเชี้อเพลิงควบคุมโดยกล่อง ECU ขนาด 32 Bit ติดตั้งอยู่บริเวณห้องเครื่อง พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS ควบคุมด้วยสมองกล ECU พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังขับ 42 วัตต์ สามารถปรับความหนัก - เบา ตามความเร็วรถยนต์


ใช้เกียร์อัตโนมัติซึ่งเป็นลูกเดียวกับ Corolla ALTIS ในรุ่น 1.8 ในโฉม ZZE122R และ ZZE142R (รหัสเกียร์ U341E) ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ SuperECT โดยมีการพัฒนาจากวีออสโฉมปี 2545 - 2550 คือ

  • ใช้น้ำมันเกียร์ความหนืดต่ำแบบ ATF-WS
  • พัฒนาชุดคลัตช์ และ ระบบล็อกอัพ ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ใหม่
  • เปลื่ยนแปลงชุดควบคุมคอมพิวเตอร์เกียร์ใหม่
  • เปลื่ยนชุดควบคุมคันเกียร์ จากเดิมแบบตรง มาเป็นแบบร่องหยัก และโหมดป้องกันการเข้าเกียร์ผิดโดยไม่ตั้งใจ พร้อมปุ่ม Shift Lock

มีระบบ Hill Sensing Control สำหรับการปีนป่ายขึ้นที่สูงและลงทางลาดชันได้อย่างไร้กังวล ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อหามุมองศาของการปีนป่ายที่สูงและลงทางชัน ระบบคอมพิวเตอร์จะป้องกันไม่ให้เปลี่ยนไปที่เกียร์สูงสุดโดยไม่จำเป็น หรือไม่ลดลงไปเกียร์ต่ำสุดเพื่อป้องกันการลื่นไถลของล้อกรณีปีนป่ายที่สูงและไม่ลาดชันจนเกินไป และในขาลง ก็จะคงที่ไว้ที่เกียร์สามเพื่อการขับขี่ที่มั่นคง และเบรกอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเรียนรู้การขับขี่ในแต่ละสภาพถนน เพื่อปรับเปลื่ยนจังหวะเกียร์ให้ขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด


ในวีออสโฉมปี 2550 - 2556 ทุกรุ่น จะมีระบบ

  • Auto Crank Start โดยผู้ขับขี่สามารถติดเครื่องยนต์โดยการบิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง Start แล้วปล่อยมือได้ทันที ระบบจะทำการติดเครื่องด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องบิดกุญแจค้างไว้ (ในรุ่น G-Limited สามารถกดปุ่มสตาร์ทแล้วปล่อยมือได้ทันที เครื่องจะทำการสตาร์ทเองโดยอัตโนมัติ)
  • เครื่องเสียงพร้อมระบบ ASL หรือ Auto Sound-Speed Levelizer ปรับระดับเสียงขึ้น-ลง โดยอัตโนมัติตามความเร็วรถ และสามารถปรับได้สามระดับคือ Low Mid และ High พร้อมระบบ DSP (Digital Sound Processer) ช่วยเพี่มความสุนทรีย์ขณะฟังเพลง
  • ระบบไฟฟ้ามีการหน่วงเวลาชุดกระจกไฟฟ้า 45 วินาทีหลังจากดับเครื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ กรณีจอดรถแล้วต้องการเปิดกระจก และระบบจะตัดการทำงาน เมื่อเปิดประตูคู่หน้าบานใดบานนึงออก หรือ หลังจาก 45 วินาทีเป็นต้นไป
  • ระบบหน่วงเวลาไฟเพดานกลางห้องโดยสารหลังจากดับเครื่อง 30 วินาที และตัดการทำงานเมื่อเปิดเกิน 1 ชั่วโมงขึ้นไป เพื่อป้องกันไฟแบตเตอรี่หมด


รายละเอียดทางเทคนิค

ขนาด & น้ำหนัก
ความยาว (มิลลิเมตร)4300
ความกว้าง (มิลลิเมตร)1700
ความสูง (มิลลิเมตร)1460
ความยาวช่วงล้อ (มิลลิเมตร)2550
ความกว้างช่วงล้อ (มิลลิเมตร) หน้า x หลัง1470 x 1460
ระดับต่ำสุดจากพื้น (มิลลิเมตร)150
น้ำหนักรถ (กิโลกรัม)1020 - 1065 (แล้วแต่รุ่น)
ความจุกระโปรงท้ายรถ VDA (ลิตร)420 (550 ลิตร เมื่อพับเบาะหลัง)
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (เมตร)4.9
เครื่องยนต์1NZ-FE
แบบเครื่องยนต์4 สูบเรียง DOHC 16V พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT-i
ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก (มิลลิเมตร)75.0 x 84.7
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี)1,497
อัตราส่วนกำลังอัด10.5 : 1
แรงม้าสูงสุด (กิโลวัตต์ (PS) / รอบต่อนาที)80 (109) / 6000
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร (kg-m) / รอบต่อนาที)141 (14.4) / 4200
ระบบจ่ายน้ำมันEFI (Electronic Fuel Injection)
ความจุถังน้ำมัน42
ระบบขับเคลื่อน & ระบบกันสะเทือน
ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ 4 จังหวะ แบบร่องหยัก (GATE-TYPE) ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ SuperECT
ระบบช่วงล่าง - หน้าอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบช่วงล่าง - หลังทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง
ระบบเบรก - หน้าดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน
ระบบเบรก - หลังดรัมเบรก (ปี 2553 ดิสก์เบรกในรุ่น E/Safety และ G,G-LTD)
ขนาดยาง185/60R15 ในรุ่น J,E,G,G-LTD,S-LTD และ 175/65R14 สำหรับรุ่น J มาตรฐาน